วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

ความวุ่นวายในภพนาคราช

 


#ขนาดไม่ใช่มนุษย์ยังทำให้สาวบนโลกปั่นป่วน

#คือกูเบื่อเรื่องนี้มานานแล้วหล่ะ

#ยิ่งคนด่ากันยิ่งทำให้คนสนใจท่าน


#ถ้าไม่มีใครสนใจเราคิดว่ากระแสจะหายไปเอง


#ถ้าช่วงไหนเริ่มเบื่อก็จะเลิกสนใจ

#เรามองว่าบานปลายมากขึ้นเรื่อยๆ

#ทุกครั้งที่เราเงียบทุกอย่างจะเงียบเหงา

การค้าธุรกิจจะเงียบไปตามกระแส


#ทุกครั้งที่เราขี้วีนกระแสจะกลับมา

#ยิ่งคนทะเลาะกันยิ่งโด่งดังคะ

#ยิ่งคนแย่งกันก็ยิ่งมีดราม่าโผล่งอกเพิ่ม


#ท่านเพชรภัทร มาเข้าฝันบ่อยมากแต่

#เราไม่เห็นว่าสถานการณ์จะดีขึ้นนะ


ที่ผ่านมาเราเห็นว่า  แนวโน้มเรื่องราวทุกอย่าง

 มีแต่ บานปลายมากขึ้นนะ ยิ่งเราพยายามแก้ข่าว

แต่ดูเหมือน ไม่มีอะไรดีขึ้น แถมแย่ลงมากกว่าเดิม


แต่ตอนโควิดระบาดหนักๆ

 เราเลิกสนใจ เรื่องพญานาคทุกคนนะ


กลายเป็น สถานการณ์ดีมาก คือ วงการพญานาคเงียบเหงามาก ไม่มีกระแส หนังก็ไม่ถ่ายต่อ ของขลังทุกอาจารย์ก็ขายไม่ได้ วัดเงียบ เรื่องท่านเพชรเงียบไปเอง เอ่อ กระแสเรื่องนาคาธิบดีทั้ง9ก็ เงียบหมด


มาตอนนี้ กระแสพญาเพชรภัทรนาคราช มาแรง


มันมีแต่คนจะจ้องแอบอ้าง 

เยอะแยะมากมายขึ้นทุกวัน อ้างเป็นพระชายาเกิน20คน นิยายเกิน10คน แต่ง ทั้งอ่านฟรีกับพิมพ์เป็นเล่มๆ

มีคนอ้างว่า พญาเพชรภัทรนาคราช มาเกิด

ในคลิป ขนาดมีพระชรา บอกว่าเมื่อ2ปีก่อน

#พญาเพชรภัทรนาคราช มาเข้าฝันคุยกัน


ไหนจะสาวแก่ สาวน้อย ผู้ชายและเกย์มากมาย

อ้างว่า ท่านเพชรภัทรมาเข้าฝัน 


ยิ่งคนทะเลาะกัน ยิ่งขายดี มีหลายคน

อ้างว่า คือ เพชรภัทรนาคราช มาเกิดเพิ่มขึ้นอีก


ท่านเพชรภัทรที่มาเข้าฝันเรา ก็มีความ

แตกต่างจาก ของคนอื่นที่เขาเล่าๆ


เราทดสอบมาแล้วนะ

ลองคุยกับ ผู้หญิงไทยที่อ้างว่า มีอะไรกับท่าน

เท่าที่ ฟังไปฟังมา มัน ไลฟ์สไตล์ต่างกันนะ

ไม่น่าจะเป็น คนเดียวกันเพราะ บางอย่าง

เราก็ไม่ได้เล่า พอไปฟังคนที่เล่า มันไม่ใช่นิสัยของท่านนะ ท่านเพชรภัทรที่เรารู้จัก นิสัยจะไม่ใช่แบบนั้น เอาเป็นว่า ที่หลายคนเล่ามา เหมือนคนหล่ะคนกัน บางคน อาจจะ จับทางถูกเพราะเราพูดเยอะ


แต่พอเราถามที่ เฉพาะเจาะจง คำตอบคือ ผิด


ประกอบกับว่า ท่านบอกว่า ท่านไม่ถูกสเป็คสาวไทยนะ ท่านชอบผู้หญิงหน้าตาแขกๆขาวๆ

ท่านเคยบ่นๆในฝันมาว่า

ผู้หญิงไทย นี่แปลกมาก มาก ต่างจากสาวอินเดีย


ทำไมสาวไทยต้องมาไหว้ มาทำบุญ และมาขอเป็นพระชายาเกิน40คน ท่านไม่พอใจนะ และโกรธมาก

ด่าเยอะแยะ หยาบคายคะ


หลายอย่าง เรามั่นใจนะว่า

ท่านปล่อยให้ ปัญหาทุกอย่างมันเกิดขึ้นเอง

เพราะท่านอยากให้มนุษย์ตั้งศาล สร้างวัดให้

ที่ผ่านมา ท่านเล่นเกมส์นะคะ

 เราเป็น แค่หมากในกระดานเท่านั้น


เราสังเกตุเห็นว่า ถ้าทุกคนเงียบ

มันจะเป็นเหมือนตอน หลวงพ่อดามัญลากลับไป

ธุดงค์ต่อในเขมร พอคนเงียบ เวบสุวรรณนาคาก็ปิดไป ข้อมูลจากแหล่งต่างๆก็หายไปเองเพราะเวบปิด

หลวงปู่ดามัญ คนแรกที่สื่อตำนานเพชรภัทร

ถูกใส่ร้ายว่าสึกไปมีเมีย 

คนพูดไม่รู้ชื่อจริง+อายุท่าน


https://YouTube.com/@salivahana59


#พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติ

#จัมเปยยะนาคราช

#อดีตชาติพระอรหันต์ 

#พระนางสุมนาเทวี

#นาคบิน

#นาคมีปีก

#นางนาคกัญญาณี

#พญาตักษะ

#พญานาคทักชะกะ

#ปู่เกล็ดแก้วเทวะ

#ชัยยะนาคา

#พญาเกล็ดแก้ว

#พญาเพชรภัทรนาคราช

#พญาอนันตนาคราช

#นาคิณี

#พญานาค4ตระกูล 

#พญานาคราช 



คำค้น


พญานาค, ปู่นาคราช, ตำนานและความเชื่อ, พญานาคสีเขียว, สีดำ, สีรุ้ง, สีทอง, 9เศียร, 7เศียร, 5เศียร, 3เศียร, เศียรเดียว, องค์นาคาธิบดี, พญาอนันตนาคราช, พญามุจลินท์นาคราช, พญาภุชงค์นาคราช, พญาศรีสุทโธนาคราช, พญาศรีสัตตนาคราช, พญาเพชรภัทรนาคราช หรือ พญาเกล็ดแก้วนาคราช, พญานาคดำแสนศิริจันทรานาคราช, พญายัสมันนาคราช, พญาครรตระศรีเทวานาคราช,นาคเขมร,โสมาวิกา,

พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติ,จัมเปยยะนาคราช,อดีตชาติพระอรหันต์ 

,พระนางสุมนาเทวีนาคราชบินได้,

นาคมีปีก,นางนาคกัญญาณี,พญาตักษะ,พญานาคทักชะกะ,

นาคโลก,ชัยยะนาคา




ไปไหว้พญานาคขอหวยพอแล้ว อย่าไปขออย่างอื่น




เราไม่ใช่ผู้หญิงที่โง่  และไร้ศีลธรรม อยากจะได้ผัวของคนอื่น เงินของคนอื่น

ผู้ชายหล่อ รวย มีพร้อมทุกอย่าง รวมทั้งภรรยาและบุตร มาชอบเรามี

แต่เราไม่อยากจะสนใจ  เพราะเราไม่ได้ยากจน ตกระกำลำบากอะไร

ถ้ายากจน คงเอาทันทีเพื่อผลประโยชน์


เราศึกษาดูพฤติกรรมคน  ในเรื่อง

#พญาเพชรภัทรนาคราช  มาสักระยะแล้วนะ


สิ่งที่ผู้คนต้องการคือ  ไปไหว้ขอหวย

ไปไหว้ขอนู้นนี่  ขอให้รวย

และ สายมโน ฟรุ้งฟริ้ง สุดติ่งกระดิ่งแมว

คือ  ไปไหว้ขอเป็น พระชายาท่านเพชร


เราเป็นคนสนใจทางด้าน  โบราณคดี

เอเลี่ยน  อารยธรรมเก่าแก่ มานานแล้วตั้งแต่ วัยรุ่น ทุกวันนี้

เราให้ความสนใจในอารยธรรมอินเดีย

เมโสโปเตเมีย จีน วัฒนธรรมไทย เขมร


#ไม่มีใครสนใจประวัตินาคราชอินเดีย

#ไม่มีใครอยากรู้ประวัติที่แท้จริง

ของท่านเพชร  และไม่มีใครสนใจ

สาลีวาหารนาคาธิบดี ที่คนทั่วโลก

ทราบจากตำนานเก่าว่าคือ ลูกชายคนแรกของ  พญาอนันตนาคราช ที่แท้จริง


คนที่สนใจคือ กลุ่มที่สนใจเรื่องโบราณ ตำนานเก่าแก่ เรื่องเร้นลับ แปลกๆ

ที่เขาสนใจมานานแล้ว


สิ่งที่คนสนใจแค่ ผลประโยชน์ตนเอง

และอยากจะได้ นาคาธิบดี เป็นผัว

ทั้งที่บางคนมีผัวแล้วและบางคน

ไปไหว้เกิน30 รอบ ท่านไม่เคยไปเข้าฝัน


สิ่งที่คนสนใจ  ไม่ใช่  ความจริงที่หลวงปู่ดามัญเคยเล่าตำนานนาคาธิบดีทั้ง9


หรือ ตำนานจริงๆจากอินเดีย


สิ่งที่คนสนใจ  อยากจะร่ำรวย  ค้าขายดี  ถูกหวย  อยากจะได้ท่านเพชรเป็นผัว เพราะ หล่อมาก

อยากให้ท่านเพชรมาหาบ่อยๆ  มาเข้าฝัน

แบบคิดได้ อย่างงง ควาย นั้นผัวคนอื่นนะ


(&฿@ส้ีน  ตี.น พ่องดมิ..ง ตายยยเยสสส แม่ง  ควาาายควววย)) ดกทองเอ๊ยยย


เราพยายามพูดมาหลายปีแล้วว่า

ตำนาน เพชรภัทรนาคราช 

ต้นฉบับที่ หลวงปู่ดามัญ เผยแพร่ตั้งแต่ปี 2548 มันไม่ตรงกับที่นักเขียนสื่อออกมานะ  เพราะ หลวงปู่พูดชัดเจนว่า ท่านเพชรกับบิดาอนันตนาคราชเป็น นาคสีขาว

 ในตระกูลฉัพยาปุตตะนะ

ท่านไม่ได้สิงสถิตย์

อยู่ในวัดหว้าเอน

ท่านมี วิมานบนสวรรค์อยู่กับบรรดาชายา และลูกๆของท่าน

 พระท่านไม่เคยพูดว่าไม่มีเมีย 

แต่สิ่งที่คนสนใจคือ 

อยากจะเป็น พระชายาท่านเพชร

อยากจะไปไหว้ ขอหวย แค่นั้น


หลวงปู่ดามัญ คนแรกที่สื่อตำนานเพชรภัทร

ถูกใส่ร้ายว่าสึกไปมีเมีย 

คนพูดไม่รู้ชื่อจริง+อายุท่าน


https://YouTube.com/@salivahana59


#พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติ

#จัมเปยยะนาคราช

#อดีตชาติพระอรหันต์ 

#พระนางสุมนาเทวี

#นาคบิน

#นาคมีปีก

#นางนาคกัญญาณี

#พญาตักษะ

#พญานาคทักชะกะ

#ปู่เกล็ดแก้วเทวะ

#ชัยยะนาคา

#พญาเกล็ดแก้ว

#พญาเพชรภัทรนาคราช

#พญาอนันตนาคราช

#นาคิณี

#พญานาค4ตระกูล 

#พญานาคราช 



คำค้น


พญานาค, ปู่นาคราช, ตำนานและความเชื่อ, พญานาคสีเขียว, สีดำ, สีรุ้ง, สีทอง, 9เศียร, 7เศียร, 5เศียร, 3เศียร, เศียรเดียว, องค์นาคาธิบดี, พญาอนันตนาคราช, พญามุจลินท์นาคราช, พญาภุชงค์นาคราช, พญาศรีสุทโธนาคราช, พญาศรีสัตตนาคราช, พญาเพชรภัทรนาคราช หรือ พญาเกล็ดแก้วนาคราช, พญานาคดำแสนศิริจันทรานาคราช, พญายัสมันนาคราช, พญาครรตระศรีเทวานาคราช,นาคเขมร,โสมาวิกา,

พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติ,จัมเปยยะนาคราช,อดีตชาติพระอรหันต์ 

,พระนางสุมนาเทวีนาคราชบินได้,

นาคมีปีก,นางนาคกัญญาณี,พญาตักษะ,พญานาคทักชะกะ,

นาคโลก,ชัยยะนาคา




 

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

ยิ่งฉาวก็ยิ่งดัง จากคนธรรมดาก็เป็น เน็ตไอดอล

 




#ขนาดไม่ใช่มนุษย์ยังทำให้สาวบนโลกปั่นป่วน
#คือกูเบื่อเรื่องนี้มานานแล้วหล่ะ
#ยิ่งคนด่ากันยิ่งทำให้คนสนใจท่าน

#ถ้าไม่มีใครสนใจเราคิดว่ากระแสจะหายไปเอง

#ถ้าช่วงไหนเริ่มเบื่อก็จะเลิกสนใจ
#เรามองว่าบานปลายมากขึ้นเรื่อยๆ
#ทุกครั้งที่เราเงียบทุกอย่างจะเงียบเหงา
การค้าธุรกิจจะเงียบไปตามกระแส

#ทุกครั้งที่เราขี้วีนกระแสจะกลับมา
#ยิ่งคนทะเลาะกันยิ่งโด่งดังคะ
#ยิ่งคนแย่งกันก็ยิ่งมีดราม่าโผล่งอกเพิ่ม

#ท่านเพชรภัทร มาเข้าฝันบ่อยมากแต่
#เราไม่เห็นว่าสถานการณ์จะดีขึ้นนะ

ที่ผ่านมาเราเห็นว่า  แนวโน้มเรื่องราวทุกอย่าง
 มีแต่ บานปลายมากขึ้นนะ ยิ่งเราพยายามแก้ข่าว
แต่ดูเหมือน ไม่มีอะไรดีขึ้น แถมแย่ลงมากกว่าเดิม

แต่ตอนโควิดระบาดหนักๆ
 เราเลิกสนใจ เรื่องพญานาคทุกคนนะ

กลายเป็น สถานการณ์ดีมาก คือ วงการพญานาคเงียบเหงามาก ไม่มีกระแส หนังก็ไม่ถ่ายต่อ ของขลังทุกอาจารย์ก็ขายไม่ได้ วัดเงียบ เรื่องท่านเพชรเงียบไปเอง เอ่อ กระแสเรื่องนาคาธิบดีทั้ง9ก็ เงียบหมด

มาตอนนี้ กระแสพญาเพชรภัทรนาคราช มาแรง

มันมีแต่คนจะจ้องแอบอ้าง 
เยอะแยะมากมายขึ้นทุกวัน อ้างเป็นพระชายาเกิน20คน นิยายเกิน10คน แต่ง ทั้งอ่านฟรีกับพิมพ์เป็นเล่มๆ
มีคนอ้างว่า พญาเพชรภัทรนาคราช มาเกิด
ในคลิป ขนาดมีพระชรา บอกว่าเมื่อ2ปีก่อน
#พญาเพชรภัทรนาคราช มาเข้าฝันคุยกัน

ไหนจะสาวแก่ สาวน้อย ผู้ชายและเกย์มากมาย
อ้างว่า ท่านเพชรภัทรมาเข้าฝัน 

ยิ่งคนทะเลาะกัน ยิ่งขายดี มีหลายคน
อ้างว่า คือ เพชรภัทรนาคราช มาเกิดเพิ่มขึ้นอีก

ท่านเพชรภัทรที่มาเข้าฝันเรา ก็มีความ
แตกต่างจาก ของคนอื่นที่เขาเล่าๆ

เราทดสอบมาแล้วนะ
ลองคุยกับ ผู้หญิงไทยที่อ้างว่า มีอะไรกับท่าน
เท่าที่ ฟังไปฟังมา มัน ไลฟ์สไตล์ต่างกันนะ
ไม่น่าจะเป็น คนเดียวกันเพราะ บางอย่าง
เราก็ไม่ได้เล่า พอไปฟังคนที่เล่า มันไม่ใช่นิสัยของท่านนะ ท่านเพชรภัทรที่เรารู้จัก นิสัยจะไม่ใช่แบบนั้น เอาเป็นว่า ที่หลายคนเล่ามา เหมือนคนหล่ะคนกัน บางคน อาจจะ จับทางถูกเพราะเราพูดเยอะ

แต่พอเราถามที่ เฉพาะเจาะจง คำตอบคือ ผิด

ประกอบกับว่า ท่านบอกว่า ท่านไม่ถูกสเป็คสาวไทยนะ ท่านชอบผู้หญิงหน้าตาแขกๆขาวๆ
ท่านเคยบ่นๆในฝันมาว่า
ผู้หญิงไทย นี่แปลกมาก มาก ต่างจากสาวอินเดีย

ทำไมสาวไทยต้องมาไหว้ มาทำบุญ และมาขอเป็นพระชายาเกิน40คน ท่านไม่พอใจนะ และโกรธมาก
ด่าเยอะแยะ หยาบคายคะ

หลายอย่าง เรามั่นใจนะว่า
ท่านปล่อยให้ ปัญหาทุกอย่างมันเกิดขึ้นเอง
เพราะท่านอยากให้มนุษย์ตั้งศาล สร้างวัดให้
ที่ผ่านมา ท่านเล่นเกมส์นะคะ
 เราเป็น แค่หมากในกระดานเท่านั้น

เราสังเกตุเห็นว่า ถ้าทุกคนเงียบ
มันจะเป็นเหมือนตอน หลวงพ่อดามัญลากลับไป
ธุดงค์ต่อในเขมร พอคนเงียบ เวบสุวรรณนาคาก็ปิดไป ข้อมูลจากแหล่งต่างๆก็หายไปเองเพราะเวบปิด






วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

ในพระไตรปิฎกระบุไว้ชัดเจนว่าพญานาคบรรลุโสดาบันไม่ได้

 


ในชาดกจัมเปยยะนาคราช กล่าวไว้ชัดเจนว่านาคราชเป็น พระโสดาบันไม่ได้&เพชรภัทรนาคราช ยังไม่ได้ลงมาเกิด


https://youtu.be/uJ2_6nDoH00

เพชรภัทรนาคราช(สาลีวาหาร) ไม่ได้เป็นพระโสดาบัน และก็ยังไม่ได้ลงมาเกิด สาลีวัตรน้องท่านเพชรนาคสีอะไร







อ่านตำนาน พญาเพชรภัทรนาคราช ต่อใน

  เว็บบล็อก นาคคิงสื
เปิดตำนาน นาคราชอินเดีย
https://naagking.blogspot.com
และ นาคควีน 
ตำนานสาลีวาหารนาคาธิบดี 
https://naagqueen.blogspot.com

#พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติ
#จัมเปยยะนาคราช
#อดีตชาติพระอรหันต์
#พระนางสุมนาเทวี
#นาคบิน
#นาคมีปีก
#นางนาคกัญญาณี
#พญาตักษะ
#พญานาคทักชะกะ
#ปู่เกล็ดแก้วเทวะ
#ชัยยะนาคา
#พญาเกล็ดแก้ว
#พญาเพชรภัทรนาคราช
#พญาอนันตนาคราช
#นาคิณี
#พญานาค4ตระกูล
#พญานาคราช
#นาคราช
#ปู่ศรีสุทโธนาคราช
#ตำนานนาคราช

คำค้น

พญานาค, ปู่นาคราช, ตำนานและความเชื่อ, พญานาคสีเขียว, สีดำ, สีรุ้ง, สีทอง, 9เศียร, 7เศียร, 5เศียร, 3เศียร, เศียรเดียว, องค์นาคาธิบดี, พญาอนันตนาคราช, พญามุจลินท์นาคราช, พญาภุชงค์นาคราช, พญาศรีสุทโธนาคราช, พญาศรีสัตตนาคราช, พญาเพชรภัทรนาคราช หรือ พญาเกล็ดแก้วนาคราช, พญานาคดำแสนศิริจันทรานาคราช, พญายัสมันนาคราช, พญาครรตระศรีเทวานาคราช,
พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติ,จัมเปยยะนาคราช,อดีตชาติพระอรหันต์
,พระนางสุมนาเทวีนาคราชบินได้,
นาคมีปีก,นางนาคกัญญาณี,พญาตักษะ,พญานาคทักชะกะ,
นาคโลก,ชัยยะนาคา






วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

พญานาคบรรลุโสดาบันไม่ได้

  






อันที่จริงผัวกูเขาห้ามกูแล้ว

ว่าอย่าไปด่าใครเลยมันไม่ดีหรอก

ท่านบอกให้ทำตัวเรียบร้อย

เพราะกูสวยกว่าอยู่แล้วแค่ทำตัวให้สวยพอแล้ว

ความจริงมีหลายคนทราบอาจจะเกิน2ล้านคน

เพราะคนที่แฉมีหลายคน และหลายรอบ


มันคือภาพถ่ายณเดช คูกิมิยะ 

 เอามาตัดต่อเป็น พญาเพชรภัทรนาคราช


ภาพจารุณี สุขสวัสดิ์ จากหนังเรื่องโจรสลัด

เอามาตัดต่อเป็น พระมารดานาคินีในอดีตชาติ 


อดคิดไม่ได้ ทางทีมงานละคร

เขาจะสร้างหนังกันใช่ไหม???


ทำไมต้อง เอารูปจารุณี มาตัดต่อเป็น

นาคิณีชั้นสูงมารดา ที่ชื่อศรีณันทะนพ ชื่อเรียกยาก สะกดยาก  ทำไมไม่พูดแบบให้คนเข้าใจง่ายๆว่า ฝันเห็นมารดาในอดีตชาติ 


หน้าเหมือนจารุณี ส่วนสามีในอดีตชาติ 

หน้าตาเหมือนณเดช ผัวญาญ่าก็แค่นั้น มันไม่ผิด


 แถมดิสเครดิต หลวงพ่อดามัญอีก

อันนี้คือรับไม่ได้มาตั้งแต่2560 แค่ตอนนั้นไม่มีหลักฐานเพราะทราบมาตั้งแต่ปี2548 จากลูกศิษย์

MSNมาบอกว่าท่านกลับเขมรแล้วนะ ว่าท่านชรามากสุขภาพย่ำแย่ ทั้งวัดมีพระคนเดียว ท่านเบื่อคน

อยากกลับไปอยู่เขมร ก็เลยกลับไปจำวัดในอยู่ที่กระท่อมเล็กๆที่เดิม ความจริง

 ท่านก็อยู่กับหลวงปู่สรวง

นั่นแหล่ะพื้นที่เดียวกัน แค่แยกกุฎิกันคะอยู่แบบสมถะมาก กระท่อมเก่าๆ ไม่ได้สมบัติอะไร


พ่อปู่ยัสมันนาคราชก็ดูแล ภูเขาพนมกุเลน จุดที่

หลวงพ่อดามัญ กับหลวงปู่สรวง หายเข้าไปถือศีลในถ้ำ ความจริงพญานาคเขมรทั้งนั้นที่มาหาก่อนคนอื่น

ทั้งยัสมันนาคราช ดำแสน ครรตะ

 นาคในเขมรทั้งนั้น

คนเขียนบทความนาคาธิบดีทั้ง9คือคนชื่อแป้งเขียนเอง ตามคำบอกเล่ามา


 คนชื่อฟ้า เคยไปหา หลวงพ่อดามัญ เขาบอกเราว่า

ยัสมันนาคราช เป็นนาคสีทอง อยู่ดูแลเขาพนมกุเลน ที่หลวงพ่อไปอาศัยในถ้ำนาน3เดือน

พญายัสมันนาคราช คือคนแรกที่ มากราบ 

หลวงพ่อดามัญ เพราะท่านยัสมันดูแลพื้นที่ตรงนั่น

ตอนนั้น เราเคยMSN ถามฟ้า

 สอบถามเรื่องนาคาธิบดีทั้ง9 เขาก็ตอบสั้นๆ


แป้งคือ คนเขียนบทความ เขาดันเรียงอันดับ อนันตนาคราช อันดับ1เพราะเป็นนาคที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ไล่มาถึงนาคที่คนเขียนไม่รู้จัก ว่าคือใคร อันดับ 7 8 9 คือนาคเขมร


นาคราชไม่สามารถเป็นพระโสดาบันได้

ใน พระไตรปิฎกก็กล่าวไว้ชัดเจนใน

 ชาดกจัมเปยยะนาคราช ว่าทำไมพระพุทธเจ้า

อยากจะมาเกิดเป็น มนุษย์


ส่วน หลวงพ่อดามัญ กับหลวงปู่สรวงคือ

พระโสดาบันแน่นอนเพราะ บารมีเยอะมาก

มีแต่พวกพญานาคมาหา พระทั้ง2ท่าน


อย่างเสื้อผ้าชุดไทยในรูป พระมารดานาคิณี

ก็ มาจากละครที่ แหม่ม แคทรียา แมคอินทอช

เล่นใน ละครทวิภพ เป็น นกยูง

ใส่ชุดไทยแบบโบราณ สไบใหญ่ ปิดแขน

หมด เอามาปรับภาพเป็น รูปดินสอวาด


#พญาเพชรภัทรนาคราชมาบอกเอง


 หลงโง่มาตั้งนานนึกว่าคือภาพวาดดินสอ

 2B ซะอีก 55555 ขรรมตัวเอง


นี่คือรูปถ่าย นางเอกดัง จารุณี สุขสวัสดิ์ 

& ภาพตัดต่อที่อ้างว่าคือ นาคีสูงศักดิ์

ท่านหนึ่ง!!!!!!????????? ตกใจ อะไร 


ที่น่าตกใจมากกว่าคือ พญาเพชรภัทรมาบอกเองว่า


 น้องหญิง มัลลิมณี

" ภาพนี้ไม่ใช่ ภาพดินสอวาด นาคิณีแบบที่เจ้าเข้าใจนะ แต่คือภาพตัดต่อมาจากจารุณี ต่างหาก"


พญาเพชรภัทรพูดแบบนี้จริงๆ เลยต้องค้นหา

แต่ท่านไม่บอกว่าจากหนังเรื่องอะไร ของปีไหน


 ที่มาของภาพจาก


หนังใหญ่เรื่อง   ปืนใหญ่จอมสลัดคะ

ตัวอย่างหนังเก่าQueen of Langasuka  2008


https://youtu.be/pyyQma09Hlo


มีคนตรวจสอบภาพนี้แล้ว

มันคือภาพตัดต่อคะ เพราะ เทียบภาพแล้ว

เมื่อนำมาซ้อนภาพก็คือคนเดียวกัน100%


#สาลีวาหารนาคาธิบดี

#สาลีวาหารมหาราช

#หลวงพ่อดามัญ

#พระนางกังสยาวตี

#นาคกับมนุษย์มีลูกกัน

#พญาเกล็ดแก้ว

#พญาเพชรภัทรนาคราช 

#เพชรภัทรนาคราช 

#เพชรภัทร 


หลวงปู่ดามัญ คนแรกที่สื่อตำนานเพชรภัทรถูกใส่ร้ายว่าสึกไปมีเมีย คนพูดไม่รู้ชื่อจริง+อายุท่าน


https://YouTube.com/@salivahana59


#พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติ

#จัมเปยยะนาคราช

#อดีตชาติพระอรหันต์ 

#พระนางสุมนาเทวี

#นาคบิน

#นาคมีปีก

#นางนาคกัญญาณี

#พญาตักษะ

#พญานาคทักชะกะ

#ปู่เกล็ดแก้วเทวะ

#ชัยยะนาคา

#พญาเกล็ดแก้ว

#พญาเพชรภัทรนาคราช

#พญาอนันตนาคราช

#นาคิณี

#พญานาค4ตระกูล 

#พญานาคราช 



คำค้น


พญานาค, ปู่นาคราช, ตำนานและความเชื่อ, พญานาคสีเขียว, สีดำ, สีรุ้ง, สีทอง, 9เศียร, 7เศียร, 5เศียร, 3เศียร, เศียรเดียว, องค์นาคาธิบดี, พญาอนันตนาคราช, พญามุจลินท์นาคราช, พญาภุชงค์นาคราช, พญาศรีสุทโธนาคราช, พญาศรีสัตตนาคราช, พญาเพชรภัทรนาคราช หรือ พญาเกล็ดแก้วนาคราช, พญานาคดำแสนศิริจันทรานาคราช, พญายัสมันนาคราช, พญาครรตระศรีเทวานาคราช,นาคเขมร,โสมาวิกา,

พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติ,จัมเปยยะนาคราช,อดีตชาติพระอรหันต์ 

,พระนางสุมนาเทวีนาคราชบินได้,

นาคมีปีก,นางนาคกัญญาณี,พญาตักษะ,พญานาคทักชะกะ,

นาคโลก,ชัยยะนาคา


หนังนาคราชอินเดีย

 


สปอย หนังซีรีย์เรื่อง " อิทธิฤิทธิ์ เทพนาคา "

ชื่ออินเดียคือ Nagarjun Ek yoddha 


ผู้แต่งนิยายเขียนจาก โครงเรื่องจริงของ ภพบาดาล

และไม่ได้ขัดแย้งกับ ประวัติศาสตร์นาคา อินเดีย


1. พญาวาสุกรี  เป็น นักบวช เป็นนาคสีขาวไข่มุข เป็นน้องคนที่ 2


2. พญาทักชะกะนาคราช หรือ ตักกะษะ เจ้าเมือง ตักกะษะนาคราช เป็นน้องคนที่3


3. นาคมณี จะมีใน นาคเทพ นาคเทวี บางคนเท่านั้น ในภพบาดาลถึงกับ รบกัน ฆ่ากัน

เพราะอยากจะได้ นาคมณีของนาคตนอื่น


ในหนัง อิทธิฤิทธิ์ เทพนาคา ทาง อัสติก้าก็

ไปฆ่านาคเทพ ที่มี มณีตนอื่น เพื่อแย่ง นาคมณี มาครอบครอง และส่ง

ให้ นาคทักษะ เพื่อให้มี อำนาจบารมี ทวีเพิ่ม


ตอนศึกษาค้นคว้า ดิฉันทราบมานานแล้ว


นาคในอินเดียทุกสี มีศักดิ์ศรีเท่ากัน

สีทองไม่ได้ใหญ่สุด สีดำไม่ได้ต่ำสุด


สีนาคบ่งบอก เชื้อสายว่าลูกใคร

ชนชั้นแบ่งจากว่า เป็น ลูกเจ้า ลูกขุนนาง

หรือ ลูกไพร่


เพราะ อนันตนาค เป็นนาคขาวใส่มงกุฎทอง

ลูกชาย สาลีวาหาร เป็นนาคขาวทั้งองค์สวมมงกุฎทอง สาลีวัตร น้องสาลีวาหาร

จะสีขาวนวลอมเหลืองๆ ใส่มงกุฎทองเช่นกัน


น้องชายอนันตนาค คนที่2 วาสุกรี เป็น นาคขาวไข่มุข แวววาว


น้องชายอนันตนาคคนที่3 ตักกะษะ เป็นนาคสีแดง


น้องชายอนันตนาคคนที่4  กังวาน เป็น นาคสีขาวอมชมพู


พญานาคภุชงค์  เป็น นาคศรีลังกา เป็นนาคสีดำปนเทาๆ ไม่ใช่บุตรนางกัทรุ


นาคทุกสี ก็ถูกครุฑจับกินได้หมด

เพราะพญาครุฑเวนไตรย มีฤิทธ์เสมอเท่า พระนารายณ์ เคยสังหาร สาลีวาหาร บุตรชายคนโตของ พญาอนันตนาคราชได้สำเร็จ


ในสงครามครั้งน้านนาคตายมากมาย 

จนต้องยอมแพ้ และ อพยพหนีไปอยู่ที่อื่นมากมาย จนทำให้ นาคมณี ได้มาแพร่เผ่าพันธ์ในไทยมากมาย 


นาคสายตระกูล นาคมณี ที่มีเพชร หรือพลอย 

บนหน้าผาก จะต้องสืบทอดเชื้อสายมาจาก พญานาคพิณจารกา ลูกคนที่10ของ

พระนางกัทรุ กับ พระกัศยประพรหมเทพบิดร

เท่านั้น


สายตระกูลนาค 19 ตระกูลใน นาคราชอินเดีย

จะมี เอกลักษณ์บางอย่างต่างกัน


ประวัติศาสตร์นาคราชใน อินเดีย

มีข้อมูลละเอียด และชัดเจน ในหลายคัมภีร์ 

จะเนื้อหาไม่ ขัดแย้งกัน ยกเว้น นิยาย

ก็คือนิยาย ผู้เขียนต้องประกาศให้ชัดเจนว่า เรื่องแต่ง 


พญาเกล็ดแก้วภัทร เป็น นาคขาว ในตระกูลฉัพพยาปุตตะ นาคทั้ง4ตระกูล


ล้วนมี ศักดิ์ศรีเท่ากัน ในนาคโลก มีนาคทุกสี


นาคไพร่ สีทองก็มี เพราะเป็นลูก ประชาชน

นาคสีดำที่เป็น นาคาธิบดีมีมากมาย


ทั้ง พญาดำแสนศิริจันทรา พญาภุชงค์

พญามุจจรินทร์จะสีเทาอมดำ ( สีเทาฮินดู)

พญาครรตะ จะสี น้ำตาลอ่อน


พระชายามาลิณี จิรุตาภา ปุราณา เป็นอัครมเหสีอันดับ3ของ

เพชรภัทร( สาลีวาหารนาคาธิบดี)

เป็นบุตรสาวของ พญาพิณจารกา กับ พระชายาปุราณา


เป็น พี่สาวแท้ๆของ

พระนางมัลลิมณี จิรุตาภา ปุราณะ วัตกะ


พญานาคพิณจารกา ไปเกิดเป็น คนอินเดีย

ส่วนลูกๆกับชายา บางคนก็ อยู่ใน


เมืองของ สาลีวาหาร ทั้งหมด


ในซีรีส์ ตัวร้ายคือ นาคทักษะ พ่อของนาคีสีแดง โมหิณี 


คิดว่า คนเขียนนิยายกลัว นาคตักกะษะ โกรธ

เลยตั้งชื่อใหม่เป็น นาคทักษะ


มีแม่ทัพนาคโลกชื่อ อัสติก้า เป็นลูกเขย


พระเอกชื่อ อรชุน เป็นลูกของ อัสติก้า( นาค)

และ แม่คือมนุษย์ ชื่อ ปานาลี ( ตัวละครสมมุติหมดเลย)


เด็กที่เกิดมาจะเชื้อสายตามบิดาเป็น หลัก

คือ เป็น พญานาค


ในหนัง ที่สร้างน่าจะ กลัวคนที่เคารพรักนาคราช ตักกะษะ โกรธ สาปแช่งเอาเพราะ นาคตักษะกะ หรือ ทักชะกะ ไม่ได้ร้ายกาจแบบในหนัง  มีคนนับถือเยอะ เป็นนาคสีแดงมีวัดส่วนตัว  ชื่อวัด ตักกะษะ เป็น นาคสายพุทธ


#รักหนังอินเดีย #รักวัฒนธรรมอินเดีย

#รักนาคอินเดีย #จงเชื่อตำนานที่แท้จริงเท่านั้น

หนังเรื่อง อิทธิฤิทธ์เทพนาคา ดูเลยมีคลิปใน


https://www.ksubthai.co/thepnaka/


ตัวอย่าง

https://youtu.be/ivEgkXCUI_s


เรื่องเดียวกับ อิทธิฤทธิ์ เทพนาคา


นาคาอรชุน จากคัมภีร์มหาภารตะ


https://youtu.be/JacYwxlNguw

สร้างมาจากโครงเรื่อง มหาภารตะ


ชื่อไทยคือ อิทธิฤิทธิ์ เทพนาคา


เป็น ละครซีรีย์ของ คนอินเดีย สร้างคะ

ยังไม่เคยดูนะ แต่จองคิวแล้ว

เราเบื่อ ตำนานลวงโลกของไทย


อยากดูละครที่สร้างมาจาก

ข้อมูลที่แท้จริง ของนาคราชอินเดีย


หรือถ้าเป็น เรื่องแต่ง

ก็น่าจะ ใกล้เคียงความจริงมากที่สุด

อนันตนาค เป็น นาคอินเดีย

ตำนานจริงต้องมาจาก อินเดีย เท่านั้น

เพราะมันมีหลักฐานชัดเจน

อินเดียมี ภาษาใช้มา 7000ปีแล้วนะเป็นต้นตอ อารยธรรม ของจริง


เพราะ เราเชื่อว่าทุกคนคงเบื่อ

ตำนานนาคลวงโลกในไทย


เอาภาพ ณเดช คูกิมิยะ มาทำเป็นภาพดินสอ และตัดต่อกัยภาพคนอื่น

 ณเดชน์ คูกิมิยะ ถูกตัดต่อภาพใบหน้าไปใส่รูปละเมิดลิขสิทธิ์

มีคนแฉว่ามีคนเอาภาพของคนอื่น
มาตัดต่อกับภาพดารา








  












วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

กระทู้ดัง พันทิพ เชื้อสายของ ตระกูลศากยวงศ์

 

จริงหรือไม่! พระพุทธเจ้าเป็นชาวบาบิโลน

สมาชิกหมายเลข 4070728 


ภาพที่ 1 หน้าปกหนังสือ The Buddha from Babylon จาก https://www.jessewaugh.com/radio/2015/5/23/harvey-kraft-the-buddha-from-babylon
(A Babylonian King Who Became Buddha)

คุณอาจจะไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าจะมีบุคคลผู้หาญกล้าเสนอมุมมองใหม่เกี่ยวกับพุทธกำเนิดของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มหาศาสดาแห่งพุทธศาสนา อย่างที่เราทราบกันดีจากการศึกษาที่ผ่านมาถึงทฤษฎีที่นักวิชาการส่วนใหญ่ยอมรับ พระพุทธเจ้าก็คือ “เจ้าชายสิทธัตถะ โคตะมะ” (Siddhārtha Gautama) แห่งราชวงศ์ศากยะ (Shakya clan) มีถิ่นประสูติอยู่บริเวณที่เป็นประเทศเนปาลในปัจจุบัน เรื่องราวเกี่ยวพุทธประวัตินั้นถูกนักโบราณคดีในยุคหลังใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการเสาะแสวงหาสถานที่สำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับช่วงชีวิตของพระองค์ หรือที่เราชาวไทยรู้จักกันดีว่า สังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง ที่ตั้งอยู่ในประเทศเนปาลกับอินเดีย
 
1
 
จุดเริ่มต้นที่ทำให้เชื่อกันว่าถิ่นประสูติของพุทธองค์อยู่บริเวณอินเดียหรือเนปาล เนื่องจากในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19  บรรดานักสำรวจและพ่อค้าวัตถุโบราณกล่าวอ้างกันว่าพวกเขาได้ค้นพบสถานที่ประสูติอยู่ในเนปาล ที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นถิ่นที่อยู่ของเผ่าศากยะที่ได้สาบสูญไปนานมากแล้ว (แม้ว่าปัจจุบันจะมีกลุ่มตระกูลที่อ้างตนว่าสืบเชื้อสายศากยะอยู่ในประเทศเนปาล) อีกทั้งบริเวณที่กล่าวอ้างนี้อยู่บริเวณตอนใต้ของจีนและตอนเหนือของอินเดียปรากฏร่องรอยประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของพุทธศาสนา แต่ในเวลานั้นยังไม่ได้รับการพิสูจน์ความถูกต้อง กระทั่งอีกหนึ่งศตวรรษให้หลังจึงมีนักโบราณคดีพยายามเสาะหาร่องรอยของพุทธองค์และเผ่าศากยะ
 
ด้วยความพยายามของนักโบราณคดีอังกฤษที่เข้ามาในสมัยที่ยึดครองอินเดียเป็นอาณานิคมนั่นเอง พวกเขาได้สำรวจและขุดค้นจนสามารถสรุปและระบุสถานที่ได้ โดยในแต่ละแห่งก็จะมีซากโบราณสถานอยู่ การขุดค้นมีหลายคณะด้วยกัน ที่สำคัญคือ คณะขุดค้นภายใต้การควบคุมของเซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิงแฮม (Sir Alexander Cunningham) ซึ่งได้สถาปนาความเชื่อที่ว่าพุทธองค์ประสูติและดำรงพระชนม์ชีพตลอดพระชนมายุในผืนแผ่นดินชมพูทวีป
 
แม้ว่าจะเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปแล้ว ทว่าก็ยังมีประเด็นที่น่าสงสัยทำให้มีผู้หยิบยกมาเป็นข้อถกเถียงและเสนอแนวคิดใหม่ นั่นคือ ประเด็นที่ พุทธประวัติถูกบันทึกในภายหลังพุทธกาลเป็นเวลานานกว่าหนึ่งศตวรรษ โดยภิกษุนามว่า อัศวโฆษ (Asvaghosa) ซึ่งพุทธประวัติที่ได้จากบันทึกดังกล่าวนี้ได้กลายเป็นข้อมูลอ้างอิงที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันซึ่งก็คือพุทธประวัติที่เราคุ้นเคยกันอย่างดีนั่นเอง พระพุทธเจ้าไม่ได้เป็นเพียงบุคคลธรรมดาสามัญ แต่เป็นผู้วิเศษที่เต็มไปด้วยอิทธิฤทธิ์ เช่น เดินได้ 7 ก้าวทันทีที่ประสูติ เป็นต้น
 
ประเด็นที่คล้ายเป็นช่องโหว่ดังกล่าวข้างต้นเสมือนเป็นการเปิดช่องให้มีการตีความในแง่มุมมอื่น ๆ ตามที่หลักฐานจะเอื้ออำนวย นักวิชาการผู้หนึ่งที่นำเสนอแนวคิดว่า พระพุทธเจ้ามีแหล่งประสูติที่แท้จริงอยู่ถัดไปทางทิศตะวันตกของอินเดีย ไม่ใช่เนปาลซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ก็คือ รานะจิต ปอล (Ranajit Pal) ในบทความเรื่อง Gotama Buddha in West Asia ของเขา
 
ส่วนบุคคลที่นำแนวคิดของปอลมาศึกษาเพิ่มเติม ประกอบกับแนวคิดในการวิเคราะห์รากฐานทางความคิดในพุทธศาสนาว่ามีรากเหง้ามาจากแนวคิดปรัชญาและศาสนาจากฝั่งตะวันตกก็คือ ฮาร์เวย์ คราฟต์ (Harvey Kraft) เขาได้นำเสนอผ่านหนังสือ The Bhuddha from Babylon: The Lost History and Cosmic Vision of Siddhartha Gautama ของเขา
 
โดยสรุปข้อเสนอของคราฟต์พอจะแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ ได้แก่ 1) ในส่วนเรื่องราวชีวิตของสิทธัตถะ และ 2) การก่อรูปจักรวาลทัศน์ของพระพุทธองค์  โดยในบทความนี้จะเน้นนำเสนอส่วนของเรื่องราวชีวิตของเจ้าชายสิทธัตถะ
 
คราฟต์เสนอว่า สิทธัตถะ โคตมะ มีเชื้อสายอารยัน-ซีเธียน (the Arya-Scythian) เป็นชาวบาบิโลน (Babylon) อยู่ในระยะเวลาที่เปอร์เซียซึ่งนำโดยกษัตริย์ดาริอุสมหาราช (Darius the Great) เข้ารุกราน ภูมิหลังของสิทธัตถะตามแนวคิดที่คราฟต์เสนอนั้นคือ เขาเกิดในตระกูลที่เป็นนักบวชชั้นสูงในศาสนาโซโรอัสเตอร์หรือที่เรียกว่า “มาไจ” (magi) และเคยขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดคือ กษัตริย์แห่งกรุงบาบิโลน ก่อนที่จะต้องหลบหนีเอาชีวิตรอดมาทางตะวันออก
 
ตามข้อมูลในจารึกบีโซทูน (Darius' Bisutun inscription) ของกษัตริย์ดาริอุส เล่าถึงเหตุการณ์ที่กษัตริย์กัมบูชียาหรือคัมบัยเสส (Kambujiya or Cambyses) ของบาบิโลนยกกองทัพเข้าไปปราบปรามอียิปต์ที่ในเวลานั้นเป็นเสมือนเมืองขึ้นที่แข็งข้อต่อบาบิโลนแต่กองทัพของพระองค์ไม่ได้กลับมายังบาบิโลน ทำให้เชื่อกันว่ากษัตริย์สิ้นพระชนม์แล้ว ดังนั้น ตามธรรมเนียมจึงได้อัญเชิญผู้นำสูงสุดทางศาสนาขึ้นครองราชย์แทน กษัตริย์องค์ต่อมาจารึกบีโซทูนระบุพระนามว่า โคมะตะ (Gaumata) โดยดาริอุสกล่าวหาว่าเขาฉวยโอกาสชิงบัลลังก์จากกัมบูชียาเป็นข้ออ้างในการกวาดล้างโคมะตะและขึ้นครองราชย์แทน ส่วนโคมะตะหลบหนีไปได้ก่อนที่จะถูกจับกุมตัว คราฟต์เชื่อว่าโคมะตะหลบหนีไปทางฝั่งตะวันออกจนถึงลุ่มน้ำสินธุ ซึ่งโคมะตะก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือสิทธัตถะ โคตะมะที่ในเวลาต่อมาจะกลายเป็นศาสดาของศาสนาพุทธนั่นเอง
 
จากข้อเสนอของเขา คราฟต์ได้แสดงหลักฐานที่เป็นร่องรอยของสิทธัตถะ โคตะมะในเอเชียตะวันตก โดยหลักฐานที่นำเสนอมีทั้งการวิเคราะห์ชื่อสถานที่ ต้นตระกูลศากยะ และจารึกที่เขาเชื่อว่าปรากฏร่องรองของพระพุทธเจ้า ซึ่งทั้งหมดมีความสอดคล้องในแง่ระยะเวลา และฟังดูน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง คราฟต์อ้างอิงข้อมูลจากงานของปอลอยู่ไม่น้อย อาจกล่าวได้ว่าปอลเป็นผู้ผลักดันงานในแวดวงวิชาการแม้จะไม่ได้รับการยอมรับมากนักก็ตาม ส่วนคราฟต์เป็นผู้นำเสนอสู่สายตาสาธารณชนในวงกว้าง ซึ่งในโลกตะวันตกมีการกล่าวถึงและวิพากษ์วิจารณ์งานของเขาพอสมควร
 
สิ่งแรกที่คราฟต์หยิบยกมาพิจารณาก็คือ ต้นตระกูลของสิทธัตถะ โคตะมะ ตามพุทธประวัติอย่างที่เราทราบกันดีว่าพุทธองค์เกิดในศากยวงศ์ หรือ the Sakya clan เชื่อว่าในอดีตมีถิ่นฐานอยู่บริเวณตอนเหนือของอินเดียและเนปาล ปัจจุบันมีกลุ่มคนที่อ้างตนว่าเป็นผู้สืบเชื้อสายศากยวงศ์อยู่ในประเทศเนปาลตามที่รายการสารคดี National Geographic เคยนำเสนอ นั่นเท่ากับว่าถิ่นประสูติของพุทธองค์จะอยู่บริเวณด้านตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียและเขตติดต่อในเนปาล แต่คราฟต์เสนอว่าสิทธัตถะเกิดในกลุ่มตระกูลซากะ หรือ the Saka clan มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบยูเรเซีย คราฟต์ยังกล่าวต่อไปอีกว่าเมื่อก่อนคริสตกาลนั้นเจ้าชายสิทธัตถะได้รับการขนานนามว่า “ซากะ มุนี” (Saka muni) ที่หมายถึง นักปราชญ์ชาวซากะ (the Sage of the Saka) โดยคราฟต์อ้างว่ามีจารึกภาษาปะกิต (Epigraphical Hybrid Sanskrit) ที่พบทางตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดียเป็นหลักฐาน ภายหลังในสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช (ครองราชย์ 268 – 232 ก่อนคริสตกาล) จึงขนานนามใหม่ว่า “พระศากยมุนี” (Sakyamuni) ซึ่งเป็นภาษาสันสกฤต ตามเรื่องราวพุทธประวัติที่ยึดถือสืบต่อกันมา โดยพุทธประวัติดังกล่าวนี้ได้รับการบันทึกหลังพุทธปรินิพพานกว่าหนึ่งศตวรรษ และได้ผ่านกระบวนการทำให้เป็นอินเดีย (indianization) ผ่านทางภาษาเรียบร้อยแล้ว สำหรับประเด็นนี้ คราฟต์เชื่อว่าเป็นความพยายามของผู้สืบทอดศาสนาในอินเดียที่จะเปลี่ยนรากเหง้าที่แท้จริงให้เป็นอินเดียที่ในเวลานั้นพุทธศาสนากำลังเฟื่องฟู เพราะคำว่า Sakya นั้นแท้จริงแล้วก็มาจาก Saka ที่มีบันทึกกล่าวถึงกลุ่มคนเหล่านี้เป็นหลักฐานที่ชัดเจน มากกว่าศากยวงศ์ตามพุทธประวัติ
 
ต่อมาคราฟต์เริ่มเฉพาะเจาะจงมากขึ้นด้วยการวิเคราะห์ชื่อเมืองที่สิทธัตถะประสูติ ซึ่งตามพุทธประวัติกล่าวว่าคือ กรุงกบิลพัสดุ์ หรือ Kapilavastu คราฟต์ได้วิเคราะห์รากศัพท์ในภาษาสันสกฤตว่าประกอบด้วย 2 คำ คือ vastu ที่แปลว่า การตั้งถิ่นฐาน อีกคำหนึ่งคือ Kapil นั้น มาจากคำว่า babil ที่แปลว่า ประตูของพระเจ้า (gate of god) ซึ่งเป็นรากศัพท์ของคำว่า Babylon และ Bible สำหรับสถานที่ตั้งของ Kapilavastu คราฟต์เสนอว่าน่าจะอยู่บริเวณจังหวัดซิสถานและบาลูจิสถาน (the Seistan-Baluchistan province) ทางตอนใต้ของประเทศอิหร่านและปากีสถาน หรืออาจจะเป็นกรุงคาบูล (Kabul) ประเทศอิรักในปัจจุบัน ซึ่งทั้งสองบริเวณดังกล่าวพบร่องรอยบรรพบุรุษของชาวอารยันซึ่งเป็นเชื้อสายของตระกูลซากะตั้งแต่ยุคโบราณที่ยังคงดำรงชีวิตแบบเร่ร่อน
 
อีกหนึ่งหลักฐานสำคัญที่คราฟต์นำเสนอเพื่อประกอบสร้างพุทธประวัติคือ จารึกของกษัตริย์ดาริอุสที่ปรากฏนาม Gaumata หรือ โคมะตะ ซึ่งคราฟต์เชื่อว่าเป็นราชวงศ์หนึ่งในราชอาณาจักรซากะ (the Saka kingdom) และเขายังเชื่อมั่นว่า Guamata ที่ถูกอ้างถึงในจารึกบีโซทูน (ดูภาพได้จาก http://brewminate.com/rock-reliefs-mass-communication-and-propaganda-in-the-ancient-world/) นั้นแท้จริงแล้วก็คือ สิทธัตถะ โคตะมะ โดยอ้างว่าในสมัยนั้นบาบิโลนเป็นสังคมหลากหลายเชื้อชาติและภาษาเป็นเหตุให้มีการออกเสียงเรียกชื่อและการสะกดคำแตกต่างกันออกไป ประกอบกับเมื่อพิจารณาช่วงเวลาจะพบว่ากษัตริย์ดาริอุสมีชีวิตอยู่ระหว่าง 550 - 486 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งมีช่วงเวลาที่ร่วมสมัยกับพุทธองค์ในกรณีที่เชื่อว่าปีที่พุทธองค์ปรินิพพานคือ 543 ก่อนคริสตกาลนั้นคลาดเคลื่อน ดังที่มีนักวิชาการหลายคนได้นำเสนอ เช่น วีแลนได โกปาลา อายเออร์ (Velandai Gopala Aiyer) นำเสนอว่าปีประสูติที่แท้จริงของพระองค์คือ 566 หรือ 567 ปีก่อนคริสตกาล ส่วนปีที่ปรินิพพานคือ 487 ปีก่อนคริสตกาล โดยอ้างอิงจากช่วงชีวิตของพระเจ้าอโศกมหาราชที่นักวิชาการเชื่อว่าถูกต้องแล้วนับเวลาย้อนกลับไปจนถึงสมัยพุทธกาล
 
ในส่วนความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริย์โคมะตะกับกษัตริย์ดาริอุส คราฟต์เชื่อมโยงกับพุทธประวัติว่าคือส่วนเรื่องราวของพุทธองค์กับพระเทวทัต (Devadatta) นั่นคือ เขาเห็นว่าเรื่องราวดังกล่าวนี้มีพื้นฐานจากความขัดแย้งระหว่างดาริอุสกับพระพุทธเจ้า และแน่นอนว่า พระเทวทัตในพุทธประวัติก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล แต่คือ กษัตริย์ดาริอุสผู้เกรียงไกรผู้นี้นั่นเอง คราฟต์อ้างว่านาม Devadatta ใกล้เคียงกับนาม Damidadda ปรากฏในคัมภีร์ในศาสนาโซโรอัสเตอร์ ประกอบกับตัวดาริอุสเองเป็นกษัตริย์ที่เลื่อมใสในศาสนานี้ และได้พยายามทำการกวาดล้างและตั้งตนขึ้นแทนที่กษัตริย์โคมะตะ ซึ่งสอดคล้องกับความพยายาทของพระเทวทัตในพุทธประวัติ ทำให้คราฟต์ได้ข้อสรุปของเขาเองว่า เรื่องราวในพุทธประวัตินั้นได้เค้าเรื่องทางประวัติศาสตร์มาจากความขัดแย้งระหว่างดาริอุสกับโคมะตะหรือสิทธัตถะ โคตะมะ /
 
ในส่วนของการก่อรูปจักรวาลทัศน์ของพระพุทธเจ้านั้น สมัยวัยเยาว์การเติบโตในตระกูลซากะ (the Saka Clan) สิทธัตถะน่าจะเคยศึกษาคัมภีร์พระเวท ตลอดจนตำนานการสร้างโลกของบาบิโลน (the Seven Tablets of Creation or The Enûma Eliš) มหากาพย์กิลกาเมช (the Gilgamesh) และบทปฐมกาลในพระคัมภีร์ฮีบรู ทั้งหมดนี้เป็นคัมภีร์หรือตำนานที่เกี่ยวเนื่องในศาสนาต่าง ๆ ที่สำคัญในโลกยุคโบราณที่มีกำเนิดอยู่ในดินแดนเอเชียตะวันตก หากพิจารณาจากโลกทัศน์ในพุทธศาสนาแล้วจะพบว่าได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาโบราณเหล่านี้อยู่ไม่
 
เอเชียตะวันตกเป็นศูนย์รวมและแหล่งกำเนิดความเชื่อที่หลากหลายของ เนื่องจากเป็นดินแดนที่มีปฏิสัมพันธ์ของคนหลากเชื้อชาติและภาษา ทั้งยังได้รับอิทธิพลจากโลกกรีกมาผสมผสานกับความเชื่อและตำนานของโลกโบราณในเมโสโปเตเมียและอียิปต์ที่มีการติดต่อปฏิสัมพันธ์กันอยู่ตลอดเวลา นั่นทำให้คราฟต์เชื่อว่าพุทธศาสนาเองย่อมได้รับอิทธิพลทางความเชื่อเหล่านี้ และเมื่อเขาได้ศึกษาลึกลงไปในหลักธรรมในพุทธศาสนาที่เสมือนเป็นภาพแทนจักรวาลทัศน์ขององค์พระศาสดา โดยใช้วิธีที่เขาคิดค้นขึ้นเรียกว่า โบราณคดีจิตวิญญาณ (Spiritual Archeology) เมื่อมาประกอบกับพื้นฐานที่ได้จากงานศึกษาของปอล ทำให้คราฟต์มั่นใจที่จะนำเสนอข้อสมมติฐานที่น่าสนใจเช่นนี้สู่สายตาสาธารณชนในวงกว้าง
แก้ไขข้อความเมื่อ 01 มีนาคม 2564 เวลา 23:28:06 น.

0

11 ความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
สมาชิกหมายเลข 4070728 
นอกจากหลักฐานที่คราฟต์อ้างมาข้างต้นแล้ว เขายังได้อธิบายเพิ่มเติมถึงหลักฐานประเภทโบราณวัตถุขนาดใหญ่ที่สำคัญอย่างพระพุทธรูปหรือโบราณสถานต่าง ๆ ในพื้นที่เอเชียตะวันตกที่ขาดหายไปนั้นเป็นผลมาจากการเบียดเบียนทางศาสนา เพราะภายหลังที่ศาสนาอิสลามเข้ามามีอิทธิพลในบริเวณดังกล่าวก็ได้มีการทำลายรูปเคารพขนาดใหญ่ไปเกือบหมดสิ้น กรณีล่าสุดที่ถูกทำลายไปก็คือ พระพุทธรูปแห่งบามียานซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ที่สลักเข้าไปในหุบผาบามียาน ประเทศอัฟกานิสถาน จากสภาพการณ์ดังกล่าวทำให้หลักฐานเกี่ยวกับพุทธองค์และพุทธศาสนาในบริเวณเอเชียตะวันตกหลงเหลือให้ศึกษาน้อยเต็มที

ส่วนตัวผู้เขียนเมื่อได้เห็นหนังสือของคราฟต์ก็เกิดความสงสัยใคร่รู้ว่าเขาจะนำเสนอหลักฐานและข้อมูลอะไรที่น่าสนใจ เนื่องจากมีนักวิชาการบางส่วนนั้นมีความเห็นแย้งในเรื่องหลักฐานที่ค้นพบในอินเดีย ซึ่งสร้างภายหลังในช่วงที่พุทธศาสนาเจริญงอกงามดีแล้วในอินเดีย ไม่พบร่องรอบที่ร่วมสมัยกับพุทธองค์ ดังนั้น คราฟต์จึงใช้ประเด็นนี้เป็นใบเบิกทางในการเสนอแนวคิดของเขา และข้ออ้างที่สำคัญก็คือ หลักฐานในอินเดียหลงเหลืออยู่มากเพราะการเบียดเบียนทางศาสนาไม่รุนแรงเท่ากับในฝั่งเอเชียตะวันตกนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอที่น่าตื่นตาตื่นใจของคราฟต์ในเวลานี้ก็ยังไม่สามารถหักล้างและโน้มน้าวให้แวดวงวิชาการยอมรับได้ บรรดาผู้สนใจอย่างเราก็คงทำได้เพียงรอดูกันต่อไป เผื่อว่าวันใดวันหนึ่งในอนาคตอาจจะพบหลักฐานที่ทำให้โฉมหน้าประวัติศาสตร์พุทธศาสนาต้องเปลี่ยนแปลงไป

ที่มา:https://www.blockdit.com/posts/600d96b167ce1a0cef995d58
แก้ไขข้อความเมื่อ 01 มีนาคม 2564 เวลา 23:32:33 น.

0
ความคิดเห็นที่ 2
สมาชิกหมายเลข 5447057  
ประวัติศาสตร์ ----มันบิดเบือนกันได้..  ไม่ว่าจะโดยใคร..

แต่คุณสมบัติของพระสัทธรรม... ตามหลักมหาปเทส๔... ที่เรียกว่า " สุคตวินโย "....มันปลอมกันไม่ได้
ผู้มีปัญญาสามารถจำแนกได้ว่า...อะไรจริง-อะไรปลอม....


1
ความคิดเห็นที่ 3
พักผ่อน  
โคตมะ เป็นชื่อโคตรครับ อาจจะเป็นใครก็ได้ที่ตระกูลเดียวกัน และดูจากประวัติที่เขาเทียบเคียง จะออกไปทางพระเจ้าวิฑูฑภะมากกว่าด้วย

อย่างไรก็ดี ไม่ใช่เรื่องสำคัญกับความเป็นพระพุทธเจ้าสักเท่าไร ความเป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เลย

0
ความคิดเห็นที่ 4
วงกลม  
จริงหรือไม่! พระพุทธเจ้าเป็นชาวบาบิโลน

--- น่าจะไม่จริงครับ  เพราะตามประวติ ต้นตระกูลพระองค์ท่าน เป็นฤาษีพื้นเมือง

1
ความคิดเห็นที่ 5
สมาชิกหมายเลข 1101943 
เมืองบาลิโลนปัจจุบัน มีวัด มีพุทธสถาน มีพระสงฆ์หรือไม่ ?

ถ้าสถานที่ใดเคยมีพระสงฆ์มาก่อน ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้ เรื่องที่เกี่ยวกับศาสนาพุทธศาสนายังคงดำรงอยู่  แม้จะเป็นซากปรักหักพังก็ตาม
แก้ไขข้อความเมื่อ 02 มีนาคม 2564 เวลา 11:16:43 น.

0
ความคิดเห็นที่ 7
สมาชิกหมายเลข 6344826
แก้ไขข้อความเมื่อ 19 มีนาคม 2564 เวลา 20:28:45 น.

0
ความคิดเห็นที่ 8
akebi1  
ภูมิศาสตร์น่าจะบอกอะไรได้ค่ะ

เครมประเภทนี้ก็เคยได้ยินนะ
ชาวเกาหลีก็บอกว่าพระพุทธเจ้าเป็นชาวเกาหลี

0
ความคิดเห็นที่ 9
สมาชิกหมายเลข 5291045 
เฃื่อว่าเนปาลครับ

0
ความคิดเห็นที่ 10
digimontamer  
อ่านดูแล้ว ค่อนข้างเลื่อนลอย เอาคำพ้องมาสร้างเรื่องขยายต่อ และผูกกับเรื่องราวของพระพุทธเจ้าหน่ะครับ

0
ความคิดเห็นที่ 11
สมาชิกหมายเลข 2113241 
คนไทย บางกลุ่ม เขาว่า พระพุทธเจ้า เป็นคนไทย ดินแดนในพุทธประวัติ อยู่ในแหลมทอง สุวรรณภูมิ นี้เอง

0

Login   เพื่อตอบกระทู้