วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

พระพุทธรูปโบราณในสมัย คันธาระ



บทความจากเวบศิลปะและวัฒนธรรม


(กำเนิดพุทธศิลป์ตอน 3)

พระพุทธรูปกลุ่มแรกสุดที่ปรากฏในโลกพุทธศิลป์อินเดีย มีขึ้นหลังยุคพุทธกาลประมาณ 600 ปีเศษ จุดที่สร้างพระพุทธรูปคือแคว้นคันธาระ (แถบเมืองตักษิลา-เปษาวัร ในปากีสถาน) 

แคว้นนี้มีราชวงศ์กุษาณะ (Kushan) ปกครอง มีกษัตริย์ชื่อ "พระเจ้ากนิษกะ" (Kanishka) ผู้เป็นองค์อุปถัมภ์ให้เกิดการสร้างพระพุทธรูปขึ้นครั้งแรก โดยนำเอาวัฒนธรรมกรีกตอนปลาย (ที่เรียกว่ายุค Hellenistic-เฮลเลนิสติก หมายถึงยุคที่กรีกแผ่อิทธิพลมายังแถบเอเชีย หลังจากที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชเคยกรุยทางไว้ ด้วยการยกกองทัพมายึดครองพื้นที่แถบช่องเขาไคเบอร์ก่อนหน้านี้แล้ว 2-3 ศตวรรษ)

ในยุคของแม่ทัพชื่อเมนานเดอร์ชาวกรีก (ตรงกับพระเจ้ากนิษกะ) ได้ทำสงคราม "ธรรมยุทธ์" กับพระนาคเสนของอินเดียด้วยการแข่งกันตอบปัญหาธรรม หากฝ่ายใดแพ้จะต้องยอมรับศาสนาของอีกฝ่ายหนึ่ง

(รายละเอียดของบทสนทนามีอยู่ในหนังสือชื่อ "ตอบปัญหาพญามิลินทร์")

เมื่อเมนานเดอร์จนมุมต่อปุจฉา-วิสัชนา จึงยอมหันมานับถือพระพุทธศาสนา และได้เป็นผู้นำรูปแบบการสร้างพระพุทธปฏิมา (Buddha Image) มาสถาปนาให้แก่พุทธศาสนิกชนชาวอินเดียเป็นครั้งแรก

ในเมื่อการประดิษฐ์พระพุทธรูปเกิดขึ้นหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปนานแล้วถึง 600 ปี ช่างจะแก้ปัญหาด้วยการใช้เกณฑ์ใดจึงจะสามารถสร้างพระพุทธรูปขึ้นได้?

ปรมาจารย์ใหญ่ด้านประวัติศาสตร์ศิลปะของสยาม คือ ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล ทรงอธิบายปริศนาดังกล่าวไว้ดังนี้

1. ช่างศึกษาและตีความจากคัมภีร์มหาบุรุษลักษณะ 32 ประการ ว่าบุคคลผู้เป็นพระโพธิสัตว์ต้องมีลักษณะพิเศษเช่นไรบ้าง อาทิ มีอุณาโลม (กลุ่มขนคิ้วกลางหน้าผาก) มีฝ่ามือ-ฝ่าเท้าอย่างไร  มีพระเนตร พระกรรณ พระสรีระ พระอังสะอย่างไร?

2. ในเมื่อเมนานเดอร์เป็นชาวกรีก จึงให้คำแนะนำว่าควรนำ "สุนทรียศาสตร์" แบบกรีกมาใช้ อาทิ นัยน์ตากึ่งเปิดกึ่งปิด (Greek Eyes) หรือการยืนแบบ S-Curve (เอียง 3 ส่วน จากบ่าไปเอว- จากเอวไปสะโพก-จากสะโพกไปเข่า หรือที่เรียกว่า "ตริภังค์") เส้นผมเป็นลอนแบบชาวกรีก 

3. ประดิษฐ์อุษณีษะ (จอมกระหม่อม/เกศโมลี) เพิ่มอีกชั้นเหนือพระเศียร เพื่อแยกความแตกต่างระหว่างพระพุทธเจ้ากับสาวก

ด้วยเหตุนี้พระพุทธรูปรุ่นแรกสุดของโลก จึงมีพระเกศาหยักศก มีอุษณีษะมวยผม พระเนตรปรือ พระพักตร์เป็นฝรั่ง ครองจีวรห่มคลุมเป็นริ้วธรรมชาติ ผ้าหนา พยายามสลักกล้ามเนื้อหรือกายวิภาค (Anatomy) ให้เห็นสรีระด้านในแบบศิลปะกรีก 

ข้อสำคัญ มีการแสดงรัศมีรอบพระวรกายด้วยแผ่นประภามณฑลกลมขนาดใหญ่ คล้ายเทพอพอลโล

และต้องไม่ลืมว่า ยุคคันธาระ วัสดุที่ใช้สร้าง มีแต่หินชีสต์ (Schist - คือหินผลึกแร่สีดำหรือสีเทา) เสมอ

ยังไม่มีการหล่อปูน หรือหล่อสำริดแต่ประการใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น